
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10625/2555 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้จากการใช้บัตรเครดิตแล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธว่ามิได้ผิดนัดชำระหนี้คงให้การเพียงว่าสัญญาบัตรเครดิตระหว่างโจทก์กับจำเลยยังคงมีผลบังคับอยู่ เนื่องจากโจทก์ยังมิได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และบอกเลิกสัญญา เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 34 ทวิ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อการเลิกสัญญากับการผิดนัดเป็นคนละเรื่องคนละกรณีกัน กล่าวคือหนี้ที่เกิดจากมูลสัญญา การที่ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 หรืออาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ตามมาตรา 386 ถึงมาตรา 388 ก็ได้ แล้วแต่เจ้าหนี้จะเลือก มิได้หมายความว่า หากโจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยมีสิทธิไม่ต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่โจทก์ เมื่อหนี้ที่จำเลยต้องชำระมีกำหนดเวลาแน่นอนตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระตามกำหนดเวลานั้น จึงต้องตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนหรือบอกกล่าวอีกตาม ป.พ.พ. มาตรา 204 วรรคสอง อันเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนฟ้อง
มาตรา 204 ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว
ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งประดิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวนนับได้โดยประดิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว
- - - - - - - - - - - #สำนักงานกฎหมายทนายใหญ่ #lawyeryai #ทนายใหญ่ #ทนายความ #ทนายความมืออาชีพ #ทนายความคดีแพ่ง #ทนายความคดีอาญา #ทนายความประจำบริษัท #ทนายความทุกอรรถคดี #ทนายความเพื่อประชาชน #บังคับคดี - - - - - - - - - -
Comments